จะเกี่ยวข้องกับการเข้าถึงหน่วยความจำ การจัดการหน่วยความจำ และคุณลักษณะความปลอดภัยขั้นสูง คุณลักษณะความปลอดภัยที่มีอยู่ใน Windows รุ่น 64 บิตมีดังต่อไปนี้
- การป้องกันโปรแกรมปรับปรุงเคอร์เนล- การสนับสนุนการป้องกันการปฏิบัติงานข้อมูล (DEP) ที่ใช้ได้กับฮาร์ดแวร์- การรับรองโปรแกรมควบคุมที่บังคับ- การเอาการสนับสนุนสำหรับโปรแกรมควบคุม 32 บิตออก
- การเอาระบบย่อย 16 บิตออกหนึ่งในข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของการใช้ Windows Vista รุ่น 64 บิตคือ ความสามารถในการเข้าถึงหน่วยความจำกายภาพ (RAM) ที่มีช่วงสูงกว่า 4 กิกะไบต์ (GB)
Windows Vista รุ่น 32 บิตไม่สามารถเข้าถึงหน่วยความจำกายภาพนี้ได้
Windows รุ่น 64 บิตสนับสนุนการเข้าถึง RAM ตั้งแต่ 1 GB จนถึง RAM ขนาด 128 GB ขึ้นไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นของ Windows ที่ติดตั้ง ความสามารถในการเข้าถึงหน่วยความจำกายภาพที่มากกว่า
จะช่วยลดเวลาที่ Windows ต้องใช้ในการสับเปลี่ยนกระบวนการเข้าและออกหน่วยความ จำกายภาพ ดังนั้น
Windows จึงสามารถจัดการกับกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ ่งขึ้น
คุณลักษณะการจัดการหน่วยความจำจะช่วยปรับปรุงประสิทธ ิภาพทั้งหมดของ Windows
ประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อคุณติดตั้ง Windows รุ่น 64 บิต
เพิ่มการสนับสนุนหน่วยความจำสูงกว่าพื้นที่หน่วยความ จำที่สามารถเข้าถึงได้จำนวน 4 GB ซึ่งมีอยู่ในระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิตเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมสำหรับโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากระบบปฏิบัติการแบบ 64 บิตคุณลักษณะความปลอดภัยขั้นสูง
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อคุณติดตั้ง Windows รุ่น 64 บิต
- โปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ 64 บิต อาจใช้ไม่ได้กับอุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งร ายการ
- โปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ต้องมีลายเซ็นดิจิทัล- การไม่สนับสนุนโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ 32 บิต
- โปรแกรม 32 บิตอาจเข้ากันไม่ได้ทั้งหมดกับระบบปฏิบัติการ 64 บิต
- โปรแกรมที่เขียนสำหรับระบบปฏิบัติการ 64 บิตโดยเฉพาะอาจหาได้ยาก
- อาจมีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์บางชิ้นเท่านั้นที่เข้ากันได้ก ับ Windows รุ่น 64 บิตความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Windows รุ่น 32 บิต และ Windows รุ่น 64 บิตความต้องการของระบบ
- 32 bit : ตัวประมวลผลขนาด 32 บิต (x86) 1 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) หรือขนาดตัวประมวลผลขนาด 64 บิต (x64) RAM ขนาด 512 MB - 64 bit : ตัวประมวลผลขนาด 64 บิต (x64) 1GHz RAM ขนาด 1 GB (แนะนำให้ใช้ 4 GB) การเข้าถึงหน่วยความจำ- 32 bit : Windows รุ่น 32 บิต สามารถเข้าถึง RAM ได้สูงสุดถึง 3 GB- 64 bit : Windows รุ่น 64 บิต สามารถเข้าถึง RAM ได้ตั้งแต่ 1
วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553
30 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเก่งคอมฯมากขึ้น
1. ในขณะที่คุณกำลังจะ Restart เครื่องใหม่ ก่อนที่จะกดปุ่ม OK ให้คุณกด Shift ค้างไว้ จะทำให้คุณ Restart ได้เร็วขึ้น
2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น
3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ
4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:\\windows ของคุณ
5. ในระหว่างที่คุณกำลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย
6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop
7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้
8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก
9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้
10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว
11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter
12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar
13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ \"con\" ได้
14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณ ในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น
15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu
16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก
17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น
18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send
19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้
20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน
21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา
22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break
23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ
24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter
25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete
26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา
27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down... -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด Shift ค้างเอาไว้
28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้
29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ
30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://computereducommunity.igetweb.com/
2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น
3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ
4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:\\windows ของคุณ
5. ในระหว่างที่คุณกำลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย
6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop
7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้
8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก
9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้
10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว
11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter
12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar
13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ \"con\" ได้
14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณ ในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น
15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu
16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก
17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น
18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send
19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้
20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน
21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา
22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break
23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ
24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter
25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete
26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา
27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down... -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด Shift ค้างเอาไว้
28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้
29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ
30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://computereducommunity.igetweb.com/
10 เทคนิคการ ซ่อมคอมพิวเตอร์
ด้วยตัวเองบ่อยครั้งที่คอมพิวเตอร์มีปัญหา เช่น อาการจอมืด , ซีดีรอมไม่ทำงาน หรือฮาร์ดิสก์เสีย ถึงแม้ว่าตอน ซื้อมาจะมีการรับประกัน 2 ถีง 3 ปี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ใช้จะไม่ได้ซื้อ คอมพ์ทุก 2-3 ปีตามระยะการ ประกัน ดั้งนั้นการซ่อมจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่นี้เรามาดูแนวทางการซ่อมคอมพ์พิวเตอร์ด้วยตนเอง
1. บันทึกทุกอย่างเก็บไว้ แม้ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถที่จะทิ้งเอกสารกองโต ออกไปจากโต๊ะทำงาน ได้ก็ตาม แต่ก่อนที่ทิ้งทุกอย่างไป ควรจะทำการหาวิธีในการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ เผื่อในกรณีที่อาจเกิดปัญหา ในอนาคต ยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ซึ่งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์บางราย ก็ให้มีการลงทะเบียนกันแบบออนไลด์ แต่อย่าลืมพิมพ์สำเนาออกมาเก็บรวมไว้กับใบเสร็จรับเงิน เก็บใบเสร็จ รับเงินและใบรับประกันทุกอย่างไว้ให้ดี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีการรับประกันแยกต่างหากออกไปไม่รวมกับ ตัวเครื่อง เช่น โมเด็ม , ซีพียู , เมนบอร์ด , จอ และอื่น ๆ
2.ทำการบ้านก่อนเลือกซื้อ ตอนที่ซื้อคอมพิวเตอร์ ควรจะต้องนึกถึงการซ่อมแซมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในการเลือกซื้อก็ต้องคิดอยู่เสมอว่า บางร้านรับซ่อมจะมีการคิดค่าตรวจสอบเครื่องด้วย ไม่ว่าเครื่องจะอยู่ใน ประกันหรือไม่ก็ตาม ก่อนซื้อคงจะต้องทำการบ้านกันให้ดีในเรื่องของประกันที่บริษัทมีให้ ไม่ว่าจะในเรื่องประกัน การขยายระยะประกัน หรือว่าค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลาได้ในอนาคต
3.จดบันทึกอาการเสีย เมื่อคอมพ์พิวเตอร์มีอาการผิดปกติขึ้น ให้จดบันทึกอาการต่างไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Error Messages ต่างๆ ซึ่งจะมีประโยชน์และจะมีส่วนช่วยช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สาเหตุเสียได้มาก ให้จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ช่างจะได้ซ่อมได้เร็วและตรงจุด โดยทั่วไปแล้ว คำถามที่ช่างหรือคนที่จะช่วยเหลือคุณมักจะถามเช่น จอภาพแสดงอาการอย่างไร หรือ Error massage ที่เกิดขึ้นคืออะไร เป็นต้น ถ้าคุณสามารถที่จะตอบคำถามเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อช่าง และคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปรึกษากับช่างผ่านทางโทรศัพท์ แลัก่อนที่จะตัดสินใจเลือกร้านซ่อมก็ให้ตรวจระยะเวลา ประกันของคอมพิวเตอร์และบรรดาอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ให้ดี
4.สำรวจให้ทั่ว ๆ การนำเครื่อคอมพิวเตอร์ไปซ่อมกับบริษัทที่คุณซื้อมาก็ไม่ใช้ว่าจะเป็นวิธีที่ดีเสมอไป เพราะบางครั้งถ้าศึกษาให้ดี ๆ อาจพบว่า ซ่อมกับบริษัทอาจทำให้คุณต้องเสียทั้งเงินและเวลา มากกว่าที่ตวรเป็นก็ได้ วิธีที่น่าจะดีกว่า ก็คือลองสำรวจร้านอื่น ๆ ดูไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือใหญ่ ตรวจสอบข้อมูลเรื่องเวลาและราคาในการซ่อมเช่น ค่าตรวจเครื่อง ค่าแรง หรือค่าซ่อมนอกสถานที่ (ในกรณีที่ต้องการให้ช่างมาซ่อมที่บ้าน) เป็นต้น ร้านเล็ก ๆ บางครั้งให้ความสำคัญเป็นกันเองกับลูกค้ามากกว่า ร้านใหญ่ ๆ เนื่องจากมีความต้องการอยู่รอดในการแข่งขันกับร้านใหญ่ ๆ ในขณะเดินสำรวจร้านต่าง ๆ อยู่ให้ลองสังเกคร้านที่ติดโลโก้ยี่ห้อดังเช่น ไอบีเอ็ม , คอมแพค , เป็นต้น ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่า ร้านนั้น ๆ รับซ่อมเครื่องที่อยู่ในประกันของยี่ห้อนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามร้านที่รับซ่อมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะรับซ่อม เครื่องทุกยี่ห้ออยู่แล้ว
5.ค้นหาบริการทางโทรศัพท์ บางกรณีอาจเป็นการไม่สะดวกที่จะเดินทางไปซ่อมที่ร้านโดยตรง การไปโทรศัพท์ไปปรึกษาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อคุณเริ่มโทรศัพท์หาร้านซ่อม ให้ลองสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่คุณได้รับทางโทรศัพท์ เช่นต้องรอสายนานเท่าไร เต็มใจช่วยเหลือหรือไม่ แค่นี้ก็เป็นการช่วยตัดสินใจได้ว่า ควรซ่อมกับร้านนั้นหรือไม่ แล้วอย่าลืมจดชื่อรุ่นหรือ Serial Number ของคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อความสะดวก หรือจะโทรไปรายการ 94 FM ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14:00-15:00 ที่นี้รับตอบปัญหาทุกเรื่องดีมากเลย
6.ค่าธรรมเนียม เมื่อยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมเป็นธรรมดาที่ช่างจะสำรวจดูว่ามีอะไรบ้างที่ต้องซ่อม ตั้งแต่สายไฟยันฮาร์ดดิส ซึ่งร้านจำเป็นจะต้องคิดค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบนี้ แต่ก็มีบางร้านเหมือนกัน ที่ไม่คิด แต่ถ้าคุณพอมีความรู้เรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ก็อาจทดลองใช้โปรแกรม Norton Utility ตรวจสอบเครื่องของคุณก่อน บางที่อาจทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินก็ได้ หรือบางที่คุณอาจโทรมาเรียกช่างมาซ่อม ที่บ้านก็ได้ แต่คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น
7.คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน หลังจากที่เครื่องของคุณได้รับการตรวจสอบอาการจากหลาย ๆ ร้านซ่อมแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการตัดสินใจว่า จะซ่อมหรือไม่ซ่อมในร้านใดจึงจะดี ซึ่งบางครั้งร้านซ่อมอาจจะบอกว่าเครื่อง ไม่อยู่ในประกันแล้วหรืออะไหล่ชิ้นที่ต้องการไม่มีอีกต่อไปแล้ว ข่าวร้ายเหล่านี้เป็นแคเพียงขั้นเริ่มต้นใน การซ่อมคอมพิวเตอร์ของคุณ บางที่คุณอาจลองสอบถามร้านดูว่าสามารถจะเอาอะไหล่เก่าไปแลกอะไหล่ใหม่ ได้หรือไม่ ในกรณีอะไหล่ชิ้นเก่าเลิกผลิตไปแล้ว โดยอาจต้องเพิ่มเงินเล็กน้อย
8.เตรียมเครื่องให้พร้อมก่อนนำไปซ่อม ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านเพื่อทำการซ่อมลองตรวจสอบว่าคุณได้ แบ็กอัพข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ , จด Serial number ของฮาร์ดิสก์ , ซีดีรอม , โมเด็ม และอื่น ๆ ไว้เพื่อตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่นำมาเปลี่ยน ลบข้อมูลส่วนตัวออกให้หมดเช่น อินเตอร์เน็ทพาสเวิร์ด เพื่อป้องกันถูกลักลอบนำไปใช้
9..ขอเอกสารการซ่อมจากร้าน ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านอย่าลืมขอเอกสารที่บอกถึงชิ้นส่วนที่จะเปลี่ยน และระยะเวลาในการซ่อม ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดเพื่อป้องกันค่าใช้จ่านแอแฝง แล้วอย่าลืมถามถึงการ รับประกันหลังการซ่อม 10.ติดตามความคืบหน้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือคอยโทรไปถามว่าการซ่อมไปถึงไหน เปลี่ยนอะไรบ้าง เสร็จทันกำหนดหรือไม่ และเมื่อไปรับเครื่อง ให้ทดสอบดูก่อนว่าเครื่องทำงานปกติหรือไม่ ก่อนนำเครื่องกลับ
1. บันทึกทุกอย่างเก็บไว้ แม้ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถที่จะทิ้งเอกสารกองโต ออกไปจากโต๊ะทำงาน ได้ก็ตาม แต่ก่อนที่ทิ้งทุกอย่างไป ควรจะทำการหาวิธีในการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ เผื่อในกรณีที่อาจเกิดปัญหา ในอนาคต ยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ซึ่งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์บางราย ก็ให้มีการลงทะเบียนกันแบบออนไลด์ แต่อย่าลืมพิมพ์สำเนาออกมาเก็บรวมไว้กับใบเสร็จรับเงิน เก็บใบเสร็จ รับเงินและใบรับประกันทุกอย่างไว้ให้ดี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีการรับประกันแยกต่างหากออกไปไม่รวมกับ ตัวเครื่อง เช่น โมเด็ม , ซีพียู , เมนบอร์ด , จอ และอื่น ๆ
2.ทำการบ้านก่อนเลือกซื้อ ตอนที่ซื้อคอมพิวเตอร์ ควรจะต้องนึกถึงการซ่อมแซมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในการเลือกซื้อก็ต้องคิดอยู่เสมอว่า บางร้านรับซ่อมจะมีการคิดค่าตรวจสอบเครื่องด้วย ไม่ว่าเครื่องจะอยู่ใน ประกันหรือไม่ก็ตาม ก่อนซื้อคงจะต้องทำการบ้านกันให้ดีในเรื่องของประกันที่บริษัทมีให้ ไม่ว่าจะในเรื่องประกัน การขยายระยะประกัน หรือว่าค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลาได้ในอนาคต
3.จดบันทึกอาการเสีย เมื่อคอมพ์พิวเตอร์มีอาการผิดปกติขึ้น ให้จดบันทึกอาการต่างไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Error Messages ต่างๆ ซึ่งจะมีประโยชน์และจะมีส่วนช่วยช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สาเหตุเสียได้มาก ให้จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ช่างจะได้ซ่อมได้เร็วและตรงจุด โดยทั่วไปแล้ว คำถามที่ช่างหรือคนที่จะช่วยเหลือคุณมักจะถามเช่น จอภาพแสดงอาการอย่างไร หรือ Error massage ที่เกิดขึ้นคืออะไร เป็นต้น ถ้าคุณสามารถที่จะตอบคำถามเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อช่าง และคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปรึกษากับช่างผ่านทางโทรศัพท์ แลัก่อนที่จะตัดสินใจเลือกร้านซ่อมก็ให้ตรวจระยะเวลา ประกันของคอมพิวเตอร์และบรรดาอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ให้ดี
4.สำรวจให้ทั่ว ๆ การนำเครื่อคอมพิวเตอร์ไปซ่อมกับบริษัทที่คุณซื้อมาก็ไม่ใช้ว่าจะเป็นวิธีที่ดีเสมอไป เพราะบางครั้งถ้าศึกษาให้ดี ๆ อาจพบว่า ซ่อมกับบริษัทอาจทำให้คุณต้องเสียทั้งเงินและเวลา มากกว่าที่ตวรเป็นก็ได้ วิธีที่น่าจะดีกว่า ก็คือลองสำรวจร้านอื่น ๆ ดูไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือใหญ่ ตรวจสอบข้อมูลเรื่องเวลาและราคาในการซ่อมเช่น ค่าตรวจเครื่อง ค่าแรง หรือค่าซ่อมนอกสถานที่ (ในกรณีที่ต้องการให้ช่างมาซ่อมที่บ้าน) เป็นต้น ร้านเล็ก ๆ บางครั้งให้ความสำคัญเป็นกันเองกับลูกค้ามากกว่า ร้านใหญ่ ๆ เนื่องจากมีความต้องการอยู่รอดในการแข่งขันกับร้านใหญ่ ๆ ในขณะเดินสำรวจร้านต่าง ๆ อยู่ให้ลองสังเกคร้านที่ติดโลโก้ยี่ห้อดังเช่น ไอบีเอ็ม , คอมแพค , เป็นต้น ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่า ร้านนั้น ๆ รับซ่อมเครื่องที่อยู่ในประกันของยี่ห้อนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามร้านที่รับซ่อมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะรับซ่อม เครื่องทุกยี่ห้ออยู่แล้ว
5.ค้นหาบริการทางโทรศัพท์ บางกรณีอาจเป็นการไม่สะดวกที่จะเดินทางไปซ่อมที่ร้านโดยตรง การไปโทรศัพท์ไปปรึกษาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อคุณเริ่มโทรศัพท์หาร้านซ่อม ให้ลองสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่คุณได้รับทางโทรศัพท์ เช่นต้องรอสายนานเท่าไร เต็มใจช่วยเหลือหรือไม่ แค่นี้ก็เป็นการช่วยตัดสินใจได้ว่า ควรซ่อมกับร้านนั้นหรือไม่ แล้วอย่าลืมจดชื่อรุ่นหรือ Serial Number ของคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อความสะดวก หรือจะโทรไปรายการ 94 FM ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14:00-15:00 ที่นี้รับตอบปัญหาทุกเรื่องดีมากเลย
6.ค่าธรรมเนียม เมื่อยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมเป็นธรรมดาที่ช่างจะสำรวจดูว่ามีอะไรบ้างที่ต้องซ่อม ตั้งแต่สายไฟยันฮาร์ดดิส ซึ่งร้านจำเป็นจะต้องคิดค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบนี้ แต่ก็มีบางร้านเหมือนกัน ที่ไม่คิด แต่ถ้าคุณพอมีความรู้เรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ก็อาจทดลองใช้โปรแกรม Norton Utility ตรวจสอบเครื่องของคุณก่อน บางที่อาจทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินก็ได้ หรือบางที่คุณอาจโทรมาเรียกช่างมาซ่อม ที่บ้านก็ได้ แต่คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น
7.คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน หลังจากที่เครื่องของคุณได้รับการตรวจสอบอาการจากหลาย ๆ ร้านซ่อมแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการตัดสินใจว่า จะซ่อมหรือไม่ซ่อมในร้านใดจึงจะดี ซึ่งบางครั้งร้านซ่อมอาจจะบอกว่าเครื่อง ไม่อยู่ในประกันแล้วหรืออะไหล่ชิ้นที่ต้องการไม่มีอีกต่อไปแล้ว ข่าวร้ายเหล่านี้เป็นแคเพียงขั้นเริ่มต้นใน การซ่อมคอมพิวเตอร์ของคุณ บางที่คุณอาจลองสอบถามร้านดูว่าสามารถจะเอาอะไหล่เก่าไปแลกอะไหล่ใหม่ ได้หรือไม่ ในกรณีอะไหล่ชิ้นเก่าเลิกผลิตไปแล้ว โดยอาจต้องเพิ่มเงินเล็กน้อย
8.เตรียมเครื่องให้พร้อมก่อนนำไปซ่อม ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านเพื่อทำการซ่อมลองตรวจสอบว่าคุณได้ แบ็กอัพข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ , จด Serial number ของฮาร์ดิสก์ , ซีดีรอม , โมเด็ม และอื่น ๆ ไว้เพื่อตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่นำมาเปลี่ยน ลบข้อมูลส่วนตัวออกให้หมดเช่น อินเตอร์เน็ทพาสเวิร์ด เพื่อป้องกันถูกลักลอบนำไปใช้
9..ขอเอกสารการซ่อมจากร้าน ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านอย่าลืมขอเอกสารที่บอกถึงชิ้นส่วนที่จะเปลี่ยน และระยะเวลาในการซ่อม ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดเพื่อป้องกันค่าใช้จ่านแอแฝง แล้วอย่าลืมถามถึงการ รับประกันหลังการซ่อม 10.ติดตามความคืบหน้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือคอยโทรไปถามว่าการซ่อมไปถึงไหน เปลี่ยนอะไรบ้าง เสร็จทันกำหนดหรือไม่ และเมื่อไปรับเครื่อง ให้ทดสอบดูก่อนว่าเครื่องทำงานปกติหรือไม่ ก่อนนำเครื่องกลับ
การบำรุงรักษา Disk Drive
ช่องอ่านดิสก์เมื่อทำงานไปนานๆหัวอ่านแผ่นดิสก์อาจจะเสื่อมสภาพไปได้
หัวอ่านดิสก์เกิดความสกปรกเน่องจากมีฝุ่นละอองเข้าไปเกาะที่หัวอ่าน
หรือเกิดจากความสกปรกของ แผ่นดิสก์ที่มีฝุ่น หรือคราบไขมันจากมือ ผลที่เกิดขึ้นทำให้การบันทึก หรืออ่านข้อมูลจากแผ่นดิสก์ไม่สามารถดำเนินการได้การดูแลรักษา Disk Drive ควรปฏิบัติดังนี้
* เลือกใช้แผ่นดิสก์ที่สะอาดคือไม่มีคราบฝุ่น ไขมัน หรือรอยขูดขีดใดๆ
* ใช้น้ำยาล้างหัวอ่านดิสก์ทุกๆเดือน
* หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นดิสก์เก่าที่เก็บไว้นานๆ เพราะจะทำให้หัวอ่าน Disk Drive สกปรกได้ง่ายก่อนนำแผ่นดิสก์ออกจากช่องอ่าน Disk Dirve ควรจะให้ไฟสัญญาณที่ Disk Drive ดับก่อน เพื่อป้องกันหัวอ่านชำรุด
หัวอ่านดิสก์เกิดความสกปรกเน่องจากมีฝุ่นละอองเข้าไปเกาะที่หัวอ่าน
หรือเกิดจากความสกปรกของ แผ่นดิสก์ที่มีฝุ่น หรือคราบไขมันจากมือ ผลที่เกิดขึ้นทำให้การบันทึก หรืออ่านข้อมูลจากแผ่นดิสก์ไม่สามารถดำเนินการได้การดูแลรักษา Disk Drive ควรปฏิบัติดังนี้
* เลือกใช้แผ่นดิสก์ที่สะอาดคือไม่มีคราบฝุ่น ไขมัน หรือรอยขูดขีดใดๆ
* ใช้น้ำยาล้างหัวอ่านดิสก์ทุกๆเดือน
* หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นดิสก์เก่าที่เก็บไว้นานๆ เพราะจะทำให้หัวอ่าน Disk Drive สกปรกได้ง่ายก่อนนำแผ่นดิสก์ออกจากช่องอ่าน Disk Dirve ควรจะให้ไฟสัญญาณที่ Disk Drive ดับก่อน เพื่อป้องกันหัวอ่านชำรุด
การบำรุงรักษา Hard Disk
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุยืนมากยากจะบำรุงรักษาด้วยตัวเอง
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายซึ่งควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
* การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยให้ด้านหลังของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ห่างจากฝาผนังไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว เพื่อการระบายความร้อน 0 เป็นอย่างปกติไม่ทำให้เครื่องร้อนได้
* ควรเลือกใช้โตีะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้
* ควรมีการตรวจสอบสถานภาพของ Hard Disk ด้วยโปรแกรม Utility ต่างๆว่ายังสามารถใช้งานได้ครบ 100 % หรือมีส่วนใดของ Hard Disk ที่ใช้งานไม่ได้
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายซึ่งควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
* การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยให้ด้านหลังของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ห่างจากฝาผนังไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว เพื่อการระบายความร้อน 0 เป็นอย่างปกติไม่ทำให้เครื่องร้อนได้
* ควรเลือกใช้โตีะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้
* ควรมีการตรวจสอบสถานภาพของ Hard Disk ด้วยโปรแกรม Utility ต่างๆว่ายังสามารถใช้งานได้ครบ 100 % หรือมีส่วนใดของ Hard Disk ที่ใช้งานไม่ได้
วิธีทำความสะอาดคอมพิวเตอร์
1. วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว ไม่ให้ถูกแสงแดดและมีอากาศถ่ายเท การเชื่อมต่อสายไฟ/สายอุปกรณ์ถูกต้องและจัดเก็บเรียบร้อย หากมีการเคลื่อนย้ายให้แจ้งงานพัสดุและงาน IT
2. ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (อย่างน้อยเดือนละครั้ง) ดังนี้
- ปิดคอมพิวเตอร์ จอภาพ และเครื่องพิมพ์
- ใช้แปรงปัดฝุ่นตามซอกภายนอกตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และคีย์บอร์ด เทน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ลงบนผ้านุ่ม แล้วเช็ดทำความสะอาด และใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งหนึ่ง
- ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดจอคอมพิวเตอร์บนผ้านุ่ม แล้วเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วจอภาพ และใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งหนึ่ง
- ใช้ผ้านุ่มเช็ดทำความสะอาดเครื่องพิมพ์ทั้งในและนอกตัวเครื่อง
- งานสารสนเทศจะเป่าฝุ่นละอองภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ (ทุก 6 เดือน)
- คณะกรรมการ IT ของกลุ่มงาน ควบคุมดูแลการปฏิบัติเป็นประจำ และงานสารสนเทศตรวจสอบทุกไตรมาส
3. ปิดคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์เมื่อไม่ใช้งาน งดใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงที่มีฝนตกหรือใกล้จะตก และถอดปลั๊กไฟฟ้าออกทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
4. ติดตั้งเฉพาะโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้
5. ต้องเก็บข้อมูลไว้ในไดร์ฟ D:\ หรืออุปกรณ์สำรองข้อมูล หากเก็บข้อมูลไว้ที่ Desktop หรือไดร์ฟ C:\ อาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้
6. ละเว้นการใช้ Internet เพื่อดูหนัง ฟังเพลง ใช้เว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมหรือ Download ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน
7. สแกนไวรัสทุกไดร์ฟอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สแกน Flash drive ทุกครั้งก่อนใช้งาน และเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ Update โปรแกรมสแกนไวรัสทุกวัน
8. Disk Cleanup และ Defragment คอมพิวเตอร์ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
2. ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (อย่างน้อยเดือนละครั้ง) ดังนี้
- ปิดคอมพิวเตอร์ จอภาพ และเครื่องพิมพ์
- ใช้แปรงปัดฝุ่นตามซอกภายนอกตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และคีย์บอร์ด เทน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ลงบนผ้านุ่ม แล้วเช็ดทำความสะอาด และใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งหนึ่ง
- ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดจอคอมพิวเตอร์บนผ้านุ่ม แล้วเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วจอภาพ และใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งหนึ่ง
- ใช้ผ้านุ่มเช็ดทำความสะอาดเครื่องพิมพ์ทั้งในและนอกตัวเครื่อง
- งานสารสนเทศจะเป่าฝุ่นละอองภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ (ทุก 6 เดือน)
- คณะกรรมการ IT ของกลุ่มงาน ควบคุมดูแลการปฏิบัติเป็นประจำ และงานสารสนเทศตรวจสอบทุกไตรมาส
3. ปิดคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์เมื่อไม่ใช้งาน งดใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงที่มีฝนตกหรือใกล้จะตก และถอดปลั๊กไฟฟ้าออกทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
4. ติดตั้งเฉพาะโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้
5. ต้องเก็บข้อมูลไว้ในไดร์ฟ D:\ หรืออุปกรณ์สำรองข้อมูล หากเก็บข้อมูลไว้ที่ Desktop หรือไดร์ฟ C:\ อาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้
6. ละเว้นการใช้ Internet เพื่อดูหนัง ฟังเพลง ใช้เว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมหรือ Download ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน
7. สแกนไวรัสทุกไดร์ฟอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สแกน Flash drive ทุกครั้งก่อนใช้งาน และเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ Update โปรแกรมสแกนไวรัสทุกวัน
8. Disk Cleanup และ Defragment คอมพิวเตอร์ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ทำอย่างไร จะป้องกันไม่ให้ถูก Hack
1. ใช้เน็ตที่เป็นแบบ Unlimited หรือเป็นแบบรายชั่วโมง ซึ่งเน็ตประเภทนี้ ง่ายต่อการถูกเจาะ และใครๆ ก็เดินไปซื้อมาเล่นได้ง่ายๆ
2. ไม่ค่อยสนใจเรียนรู้เรื่องความปลอดภัย คิดแต่ว่า ถ้าไม่เกิดปัญหา ก็ไม่สนอะไร และไม่ต้องคิดหาทางป้องกันหรือแก้ไข ต้องหมั่นหาเครื่องมือมาป้องกันหน่อย เช่นการใช้ Browser ท่อง Internet และใช้ Firewall
3. ช่วงเวลาที่เล่นเกมส์ มักจะยาวนาน ซึ่งเหมาะแก่การเจาะเป็นยิ่งนัก “ทางโล่ง ไอ้เสือลุย” หมั่นตรวจสอบการเชื่อมต่อมั่งก็ดีนะ (หัวข้อ Netstat)
4. ไม่ค่อยสังเกตุ หรือขาดความรู้เกี่ยวกับระบบ ในการเช็คการเชื่อมต่อต่างๆ แม้เกมส์หรือ Web ที่เปิดมันจะ Lacking (กระตุก) อยู่ก็ตาม
5. เที่ยวไป Login Mail หรือ Account ต่างๆ ในร้าน Internet ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ หรือน่าเชื่อถือก็ตาม คุณอาจจะโดนโปรแกรม Keyloger ดักจับการพิมพ์ Username และ Password เอาไว้ หรือไม่ก็โดนโปรแกรม Sniffer
• การตั้ง Password ด้วยคำที่ง่ายๆเกินไป เช่น “aaaa” , “abcd” , “love” อย่างนี้โดนใจ Hacker เจงๆ
• คำถามกันลืม Password ต่างๆ ก็ควรที่จะใส่ใจพอๆกับ Password ที่คุณได้ตั้งเอาไว้ เพราะ ส่วนใหญ่แล้วเมล์ที่โดนขโมยมักจะได้กันง่ายๆก็อีแบบนี้แหละ
• มีโปรแกรมอีกหลายตัว สามารถค้นหา User และ Password ต่างที่พิมพิ์ใน IE ได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่นโปรแรม CAIN6. การกรอกข้อมูลในการสมัครสมาชิก ในเว็บต่างๆ ควรใช้วิจารณญาณให้ดี เพราะมี Website บางแห่งจะหลอกให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะเลขบัตร Cradit Cart , Mail+Password Mail , เลขบัตรประชาชน เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษบางอย่างที่ Web เค้าอวดอ้าง
• และก็ยังมีกรณีที่สร้าง Website ขึ้นมาแล้วทำช่องบริการให้ Login Mail ผ่านไปยัง Web อื่นได้ อย่าหลงไปเชื่อเด็ดขาด เพราะเมล์ของคุณที่ Login นั้นจะไม่ใช่เมล์คุณอีกต่อไป• การสมัครสมาชิกในที่ต่างๆ ถ้าคุณหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัวจริงๆ ได้ ให้โม้ไปเลยครับ ขี้จุ๊ เจงๆโลกไซเบอร์
2. ไม่ค่อยสนใจเรียนรู้เรื่องความปลอดภัย คิดแต่ว่า ถ้าไม่เกิดปัญหา ก็ไม่สนอะไร และไม่ต้องคิดหาทางป้องกันหรือแก้ไข ต้องหมั่นหาเครื่องมือมาป้องกันหน่อย เช่นการใช้ Browser ท่อง Internet และใช้ Firewall
3. ช่วงเวลาที่เล่นเกมส์ มักจะยาวนาน ซึ่งเหมาะแก่การเจาะเป็นยิ่งนัก “ทางโล่ง ไอ้เสือลุย” หมั่นตรวจสอบการเชื่อมต่อมั่งก็ดีนะ (หัวข้อ Netstat)
4. ไม่ค่อยสังเกตุ หรือขาดความรู้เกี่ยวกับระบบ ในการเช็คการเชื่อมต่อต่างๆ แม้เกมส์หรือ Web ที่เปิดมันจะ Lacking (กระตุก) อยู่ก็ตาม
5. เที่ยวไป Login Mail หรือ Account ต่างๆ ในร้าน Internet ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ หรือน่าเชื่อถือก็ตาม คุณอาจจะโดนโปรแกรม Keyloger ดักจับการพิมพ์ Username และ Password เอาไว้ หรือไม่ก็โดนโปรแกรม Sniffer
• การตั้ง Password ด้วยคำที่ง่ายๆเกินไป เช่น “aaaa” , “abcd” , “love” อย่างนี้โดนใจ Hacker เจงๆ
• คำถามกันลืม Password ต่างๆ ก็ควรที่จะใส่ใจพอๆกับ Password ที่คุณได้ตั้งเอาไว้ เพราะ ส่วนใหญ่แล้วเมล์ที่โดนขโมยมักจะได้กันง่ายๆก็อีแบบนี้แหละ
• มีโปรแกรมอีกหลายตัว สามารถค้นหา User และ Password ต่างที่พิมพิ์ใน IE ได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่นโปรแรม CAIN6. การกรอกข้อมูลในการสมัครสมาชิก ในเว็บต่างๆ ควรใช้วิจารณญาณให้ดี เพราะมี Website บางแห่งจะหลอกให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะเลขบัตร Cradit Cart , Mail+Password Mail , เลขบัตรประชาชน เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษบางอย่างที่ Web เค้าอวดอ้าง
• และก็ยังมีกรณีที่สร้าง Website ขึ้นมาแล้วทำช่องบริการให้ Login Mail ผ่านไปยัง Web อื่นได้ อย่าหลงไปเชื่อเด็ดขาด เพราะเมล์ของคุณที่ Login นั้นจะไม่ใช่เมล์คุณอีกต่อไป• การสมัครสมาชิกในที่ต่างๆ ถ้าคุณหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัวจริงๆ ได้ ให้โม้ไปเลยครับ ขี้จุ๊ เจงๆโลกไซเบอร์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)